เป็นต่อกรุ๊ป เดินหน้าโครงการ “เป็นต่อ เพื่อโอกาสที่ยั่งยืน” ต่อเนื่อง ทุ่มกว่า 1.5 ล้านบาท มอบทุนการศึกษา ให้โรงเรียนที่ขาดแคลน
เป็นต่อกรุ๊ป เดินหน้าโครงการ “เป็นต่อ เพื่อโอกาสที่ยั่งยืน” ต่อเนื่อง
ทุ่มกว่า 1.5 ล้านบาท มอบทุนการศึกษา ให้โรงเรียนที่ขาดแคลน
www.Thainewsvision.com บริษัท เป็นต่อกรุ๊ป (PENTOR GROUP) หรือ PTG กลุ่มธุรกิจครบวงจรเพื่อไลฟ์สไตล์ล้ำสมัยของคนยุคใหม่ เดินหน้าโครงการ CSR “โครงการเป็นต่อ เพื่อโอกาสที่ยั่งยืน” เฟส 1 ทุ่มกว่า 1.5 ล้านบาท จัดกิจกรรมมอบทุนการศึกษา, อุปกรณ์การเรียนและอุปกรณ์กีฬา ตลอดจนปรับปรุงโรงอาหารให้เหมาะกับสุขอนามัย และสิ่งอื่นๆ ที่จะเกิดประโยชน์ ให้แก่โรงเรียนที่ขาดแคลน หวังสร้างแรงบันดาลใจ ร่วมกันสร้างสรรค์สังคมแห่งการแบ่งปัน
กิจกรรมจัดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ที่ โรงเรียนบ้านเกาะไม้แหลม (สงกรานท์นันทนาประชาสรรค์) อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ภายในงานได้รับเกียรติจากคณะผู้บริหาร นำโดย นายวสวัตติ์ มุครสกุล ที่ปรึกษาระดับสูง ฝ่ายบริหารกลยุทธ์และพัฒนาธุรกิจ บริษัท เป็นต่อ กรุ๊ป โดยมี นางสาวจันทิมา ศรีเมือง ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านเกาะไม้แหลม (สงกรานท์นันทนาประชาสรรค์) และคณาจารย์ให้การต้อนรับ ท่ามกลางแขกผู้มีเกียรติ และพี่น้องชาวบ้านบึง เข้าร่วมงาน
นายวสวัตติ์ มุครสกุล ที่ปรึกษาระดับสูง ฝ่ายบริหารกลยุทธ์และพัฒนาธุรกิจ บริษัท เป็นต่อ กรุ๊ป (PENTOR GROUP) หรือ PTG กล่าวภายในงานว่า PTG เป็นกลุ่มธุรกิจครบวงจรเพื่อไลฟ์สไตล์ล้ำสมัยของคนรุ่นใหม่ ซึ่งประกอบไปด้วยกลุ่มธุรกิจพัฒนาดิจิตอลแพลตฟอร์ม, ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์, บริการรับแลกเปลี่ยนเงินตรา, แพลตฟอร์มเภสัชกรออนไลน์, และกลุ่มธุรกิจใหม่ล่าสุดอย่าง WiPay ที่กำลังจะเปิดตัวเร็วๆ นี้ กับมิติใหม่ ในการใช้จ่ายและชำระเงินแบบครบวงจร แม้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เราได้มุ่งมั่นในการพัฒนาธุรกิจจนเติบโตอย่างรวดเร็ว และมั่นคง แต่เราเชื่อว่า การจะทำธุรกิจที่ยั่งยืนนั้น จะต้องควบคู่ไปกับการร่วมพัฒนาสังคม เศรษฐกิจ ประเทศชาติ ให้มีความมั่นคงอย่างยั่งยืนด้วย บริษัทจึงมีนโยบาย CSR (Corporate Social Responsibility) ซึ่งเป็นการรับผิดชอบของธุรกิจต่อสังคม โดยหันมองว่ามีสิ่งใดที่เราจะสามารถแบ่งปันหรือคืนให้กับสังคมได้บ้าง ผ่านหลายๆ โครงการที่เราตั้งใจทำมาอย่างต่อเนื่อง “ล่าสุดนี้ เราได้จัด 3 โครงการหลัก ได้แก่ เป็นต่อ เป็นกำลังใจสู้ภัยโควิด, เป็นต่อ เป็นพลังปันฝันเพื่อน้อง และเป็นต่อ เพื่อโอกาสที่ยั่งยืน”
ซึ่งในเฟสแรกนี้ ได้จัดมอบทุนการศึกษา อุปกรณ์กีฬา แปลงเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน และสิ่งจำเป็นที่ช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีของเด็กๆ ให้กับโรงเรียนที่ขาดแคลนในกลุ่มจังหวัดเป้าหมาย ระยะทางไม่เกิน 150 กิโลเมตร จากกรุงเทพมหานคร จำนวน 6 จังหวัด ได้แก่ กลุ่มโรงเรียน
แควน้อย 7 โรงเรียน ประกอบด้วย โรงเรียนวัดไทรโสภณ (ปราสาททองโอสถสงเคราะห์), โรงเรียนบ้านบางพลี, โรงเรียนวัดสุนทราราม, โรงเรียนวัดช่างเหล็ก, โรงเรียนวัดศิริสุขาราม, โรงเรียนสินสังวาลย์อุทิศ และโรงเรียนวัดหน้าต่างใน อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา, โรงเรียนบ้านหนองหว้า (ถนอมราษฎร์บำรุง)อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา, โรงเรียนบ้านคลองมหาสวัสดิ์ (ตั้งตรงจิตร ๑๗) อ.พุทธมณฑล
จ.นครปฐม, โรงเรียนวัดโคกกระต่าย (วารราษฎร์อุปถัมภ์) อ.วิหารแดง จ.สระบุรี,โรงเรียนวัดท่าชุมนุม
อ.สามโก้ จ.อ่างทอง และโรงเรียนบ้านเกาะไม้แหลม (สงกรานท์นันทนาประชาสรรค์) อ.บ้านบึง จ.ชลบุรีรวม 12 เรียน
“โครงการ “เป็นต่อ เพื่อโอกาสที่ยั่งยืน” มีวัตถุประสงค์ที่จะมอบทุนการศึกษาให้แก่น้องๆ นักเรียนที่มีฐานะยากจน ให้ได้รับโอกาสทางการศึกษา โดยบริษัทฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า น้ำใจ และโอกาสที่เรามอบให้ในครั้งนี้ จะก่อเกิดเป็นความหวัง สร้างกำลังใจให้กับน้องๆ ได้มีความมานะทั้งด้านการศึกษา เพื่อจะเติบโตขึ้นเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพ และร่วมกันพัฒนาสังคมประเทศชาติให้ดีต่อไปในอนาคต และหวังว่ากิจกรรมนี้ จะสร้างแรงบันดาลใจ ในการร่วมกันสร้างสรรค์สังคมแห่งการแบ่งปันต่อไป” นายวสวัตติ์ กล่าว
ด้าน นางสาวจันทิมา ศรีเมือง ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านเกาะไม้แหลม (สงกรานท์นันทนาประชาสรรค์) กล่าวว่า โรงเรียนขอขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีอย่างเป็นต่อกรุ๊ปเป็นอย่างสูง ที่กรุณาเดินทางมอบทุนการศึกษาให้กับเด็กๆ ที่ขาดแคลนให้ได้รับโอกาสที่ดี และมุ่งหวังให้เขาเป็นคนดี ประสบความสำเร็จในชีวิตทั้งการเรียน และการทำงานในอนาคต ซึ่งเชื่อว่าการได้รับทุนในครั้งนี้ จะเป็นกำลังใจพร้อมจุดประกายแห่งความหวังให้เด็กๆ ได้มีอนาคตที่ดี และทำให้พวกเขาเห็นว่าในสังคมไทยยังมีผู้เปี่ยมด้วยความรัก ความเมตตา และพร้อมจะช่วยเหลือแบ่งปันให้ผู้ที่ขาดแคลนเสมอ
ภายในงานได้จัดให้มีการมอบทุนการศึกษาให้แก่นักเรียนที่เรียนดีแต่ขาดแคลน จำนวน 30 ทุน พร้อมมอบทุนสนับสนุนสื่อการเรียนการสอนด้านวิทยาศาสตร์ อาทิ กล้องจุลทรรศน์, หุ่นกายวิภาค และมอบ Mojobot เพื่อใช้ในการสอนการเขียน Coding ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์บูรณาการณ์กับการเรียนรู้วิชาอื่นๆ เช่น วิชาคณิตศาสตร์ สอนทักษะการคิดแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ และการทำงานของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในวิทยาศาสตร์ เป็นต้น ซึ่งนับว่าเป็นแนวทางการเรียนรู้แบบผสมผสานอย่างยั่งยืน ตลอดจนปรับปรุงโรงอาหารของโรงเรียน แก้ไขปัญหาโดยการติดตั้งตาข่ายกันนกเพื่อป้องกันเชื้อโรคอันไม่พึงประสงค์ และปรับปรุงติดตั้งระบบไฟฟ้าและสายไฟ พัดลมใหม่ ซ่อมแซมระบบประปาบริเวณอ่างล้างมือให้เหมาะกับสุขอนามัย เพื่อส่งเสริมให้โรงเรียนได้ใช้โรงอาหารที่มีมาตรฐาน ถูกสุขลักษณะสะอาดและปลอดภัย รวมมูลค่ากว่า 7 แสนบาท พร้อมจัดเลี้ยงอาหารกลางวันแก่น้องๆ ภายหลังจากนั้นคณาจารย์ได้นำคณะผู้บริหารเยี่ยมชมภายในบริเวณโรงเรียน กระทั่งกิจกรรมจบลงด้วยความประทับใจ เรียกว่าอิ่มใจผู้ให้ สุขใจผู้รับ
นอกจากกิจกรรมในครั้งนี้แล้ว คณะผู้บริหารและพนักงานเป็นต่อกรุ๊ป มีแผนจะเดินทางไปมอบทุนการศึกษา และอุปกรณ์การเรียน การศึกษา อุปกรณ์กีฬา ยังกลุ่มโรงเรียนเป้าหมายที่ขาดแคลนอย่างต่อเนื่องในอนาคต