“อนุทิน” ปาฐกถาพิเศษปลุก “พลังพลเมืองตื่นรู้ พาไทยสู่สุขภาวะที่ยั่งยืน” ในงานสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ
“อนุทิน” ปาฐกถาพิเศษปลุก “พลังพลเมืองตื่นรู้ พาไทยสู่สุขภาวะที่ยั่งยืน” ในงานสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ
www.Thainewsvision.com
เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2564 สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ร่วมกับภาคีเครือข่าย จัดงานสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 14 พ.ศ. 2564 ณ หอประชุมใหญ่ บริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร (กทม.) ภายใต้ประเด็นหลัก (ธีม) “พลังพลเมืองตื่นรู้ … สู้วิกฤตสุขภาพ”โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข (สธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติและหัวข้อ “สุขภาพองค์รวม จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน” โดย นพ.วิชัย โชควิวัฒน ประธานสมาคมสภาผู้สูงอายุ แห่งประเทศไทยในพระราชูปถัมภ์ฯ และเวทีทัศน์ “ทิศทางโลก ทิศทางไทย: โอกาสและความท้าทาย” (คสช.) ท่ามกลางความสนใจและมีผู้เข้าร่วมผ่านทาง onsite และ online เป็นจำนวนมาก
โดยนายอนุทิน ปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “พลังพลเมืองตื่นรู้ พาไทยสู่สุขภาวะที่ยั่งยืน” ตอนหนึ่งว่า โควิด-19 ได้ตอกย้ำถึงความสำคัญของการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาประเทศไทยสู่สุขภาวะที่ยั่งยืนที่ต้องตอบสนองความต้องการของคนรุ่นปัจจุบันและไม่ลิดรอนความสามารถของคนรุ่นหลัง
นายอนุทิน กล่าวว่า การบรรลุการพัฒนาที่ยั่งยืนตาม 3 องค์ประกอบ ได้แก่ ความครอบคลุมทางสังคม การเติบโตทางเศรษฐกิจ และการคุ้มครองทางสิ่งแวดล้อม ต้องดำเนินการเชื่อมโยงใน 5 มิติ ตามที่องค์การสหประชาชาติได้กำหนดไว้ในเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) นั่นคือการพัฒนาคน สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจและความมั่งคั่ง สันติภาพและความยุติธรรม และที่สำคัญคือความเป็นหุ้นส่วนการพัฒนา โดยทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นภายในปี ค.ศ. 2030 ตามกรอบการพัฒนาของโลกภายใต้หลักการ “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”
“รวมถึงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 ที่จะใช้เป็นยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ ในช่วงปี 2566-2570 ที่เน้นเรื่องเศรษฐกิจสร้างคุณค่า สังคมเดินหน้าอย่างยั่งยืน ซึ่งแน่นอนว่าทั้งหมดนี้ สอดคล้องกับการจัดกระบวนการสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ที่สร้างการมีส่วนร่วมหลากหลายเกิดกระบวนการพัฒนานโยบายสาธารณะที่ดีและได้รับการยอมรับจากทุกภาคส่วนและจะนำไปสู่การสร้างพลังของพลเมืองที่ตื่นรู้ ที่จะพาประเทศไทยให้รอดพ้นวิกฤตและสู่สุขภาวะได้อย่างยั่งยืน” นายอนุทิน กล่าว
ขณะที่ นพ.ประทีป ธนกิจเจริญ เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ กล่าวถึงการขับเคลื่อนมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติในอดีตจนถึงปัจจุบันว่า นับตั้งแต่ปี 2551 ซึ่งมีการจัดงานสมัชชาสุขภาพฯ ครั้งที่ 1 จนถึงปัจจุบัน ประเทศไทยมีมติสมัชชาสุขภาพฯ แล้ว 87 มติ เมื่อรวมกับที่ได้รับฉันมติเพิ่มเติมในงานสมัชชาสุขภาพฯ ครั้งที่ 14 อีก 3 มติ จะรวมเป็น 90 มติ โดยที่ผ่านมา คมส. ได้จัดกลุ่มมติสมัชชาสุขภาพฯ ออกเป็น 4 กลุ่ม เพื่อให้ง่ายต่อการติดตามและวางแนวทางการขับเคลื่อน
ทั้งนี้ ได้แก่ 1. มติสมัชชาสุขภาพฯ ที่มีการขับเคลื่อนและเห็นผลลัพธ์ชัดเจนโดยกระบวนการและ กลไกนโยบายที่มีอยู่ (Achieved) จำนวน 36 มติ 2. มติสมัชชาสุขภาพฯ ที่กำลังขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง (On-going) จำนวน 34 มติ 3. มติสมัชชาสุขภาพฯ ที่ทำการทบทวนมติเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ (To be revisited) จำนวน 4 มติ และ 4.มติที่ควรยุติการรายงานการขับเคลื่อน 13 มติ