สดช. จับมือ กรมราชทัณฑ์ ร่วมพัฒนาศักยภาพผู้ต้องขังหลังพ้นโทษ
นางวรรณพร เทพหัสดิน ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สดช.) พร้อมด้วย นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ การพัฒนาศักยภาพผู้ต้องขังให้พร้อมเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล ระหว่าง สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และกรมราชทัณฑ์
นางวรรณพร เทพหัสดิน ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(ลดช.) เปิดเผยว่า รัฐบาลภายใต้การบริหารราชการแผ่นดินของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล จึงได้กำหนดนโยบายด้านเศรษฐกิจดิจิทัล เพื่อผลักดันให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างจริงจัง
โดยการวางโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัล ตลอดจนพัฒนาบุคลากรให้พร้อมเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล ส่งเสริมให้ประชาชนมีความรอบรู้สามารถเข้าถึงพัฒนา
และใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสารสนเทศได้อย่างรู้เท่าทัน ลดความเหลื่อมล้ำของสังคมสร้างโอกาสอย่างเท่าเทียมการเข้ามามีบทบาทของเทคโนโลยีดิจิทัลในปัจจุบัน ส่งผลทำให้ทุกภาคส่วนของสังคม
ถูกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล หน่วยงานและบุคลากรจึงต้องมีการเตรียมความพร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ให้พร้อมเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล
ดังนั้นนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จึงได้เล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาพื้นฐานด้านเทคโนโลยีดิจิทัลสำหรับภาคประชาชน โดยเฉพาะผู้ต้องขัง ที่หากพ้นโทษออกมาแล้วจะมีการเข้าไปพัฒนาศักยภาพเพื่อให้ผู้พ้นโทษมีความรู้พื้นฐานด้านดิจิทัลเพื่อให้เทียบเท่ากับคนในสังคม จึงได้สนับสนุนให้ สดช.จัดทำโครงการพัฒนาศักยภาพผู้ต้องขังให้พร้อมเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลขึ้น
การพัฒนาศักยภาพผู้ต้องขังให้พร้อมเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล ถือได้ว่าเป็นกลไกที่สำคัญในการเตรียมความพร้อมทั้งในด้านองค์ความรู้ และทักษะฝีมือแรงงานสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจึงได้จัดทำโครงการ “พัฒนาศักยภาพผู้ต้องขังให้พร้อมเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล” ขึ้น
เพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพของผู้ต้องขัง เพิ่มโอกาสให้เข้าถึงแหล่งงาน โดยได้รับการจ้างงานให้มีรายได้เพียงพอ ต่อการดำรงชีวิตและปรับตัวเข้าสู่สังคมในช่วงระยะแรกของการพ้นโทษ และยังเป็นการกระตุ้นให้สังคมได้ปรับเปลี่ยนทัศนคติภาพลักษณ์ที่มีต่อผู้พ้นโทษ และเปิดโอกาสให้ผู้พ้นโทษกลับเข้าสู่สังคมปกติได้ ซึ่งจะจัดอบรมหลักสูตรการประกอบอาชีพที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีดิจิทัล ให้กับผู้ต้องขังที่สามารถนำไปปฏิบัติงานได้จริง จำนวนไม่น้อยกว่า 1 หลักสูตร หลักสูตรละไม่น้อยกว่า 10 ชั่วโมงโดยผู้ต้องขังจะเข้าร่วมหลักสูตรละไม่น้อยกว่า 20 คน รวมถึงพัฒนาแพลตฟอร์มต้นแบบสำหรับการเรียนแบบออนไลน์ระบบปิด โดยแพลตฟอร์มที่พัฒนาขึ้นจะต้องรองรับการใช้งานของผู้ต้องขังในเรือนจำและเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์นางวรรณพร กล่าว
เพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพของผู้ต้องขัง เพิ่มโอกาสให้เข้าถึงแหล่งงาน โดยได้รับการจ้างงานให้มีรายได้เพียงพอ ต่อการดำรงชีวิตและปรับตัวเข้าสู่สังคมในช่วงระยะแรกของการพ้นโทษ และยังเป็นการกระตุ้นให้สังคมได้ปรับเปลี่ยนทัศนคติภาพลักษณ์ที่มีต่อผู้พ้นโทษ และเปิดโอกาสให้ผู้พ้นโทษกลับเข้าสู่สังคมปกติได้ ซึ่งจะจัดอบรมหลักสูตรการประกอบอาชีพที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีดิจิทัล ให้กับผู้ต้องขังที่สามารถนำไปปฏิบัติงานได้จริง จำนวนไม่น้อยกว่า 1 หลักสูตร หลักสูตรละไม่น้อยกว่า 10 ชั่วโมงโดยผู้ต้องขังจะเข้าร่วมหลักสูตรละไม่น้อยกว่า 20 คน รวมถึงพัฒนาแพลตฟอร์มต้นแบบสำหรับการเรียนแบบออนไลน์ระบบปิด โดยแพลตฟอร์มที่พัฒนาขึ้นจะต้องรองรับการใช้งานของผู้ต้องขังในเรือนจำและเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์นางวรรณพร กล่าว