ทรูไอดีซี จับมือ เทนเซ็นต์ ประเทศไทยจัดตั้งแพลตฟอร์มคลาวด์ตอบสนองอัจฉริยะระดับโลกแห่งแรกในประเทศไทย
ทรูไอดีซี จับมือ เทนเซ็นต์ ประเทศไทยจัดตั้งแพลตฟอร์มคลาวด์ตอบสนองอัจฉริยะระดับโลกแห่งแรกในประเทศไทย
www.Thainewsvision.com
นายศุภรัฒศ์ ศิวะเพ็ชรานาถ สิงหรา ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทรู ไอดีซีบริษัท ทรู อินเทอร์เน็ต ดาต้า เซ็นเตอร์ จำกัด หรือ ทรู ไอดีซี (True IDC) ผู้นำด้านดาต้า เซ็นเตอร์ และคลาวด์ของประเทศไทย และ บริษัท เทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) จำกัด (Tencent) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม บริการด้านเนื้อหา และโซลูชั่นด้านเทคโนโลยีเพื่อตอบสนองทุกความต้องการยุคดิจิทัล ร่วมมือเปิดตัวบริการ Interactive and AI Enabled Cloud Platform คลาวด์คุณภาพระดับโลกที่มาพร้อมบริการ แบบครบวงจรเป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับหน่วยงานรัฐบาล สถาบัน ทางการเงิน ตลอดจนลูกค้าองค์กรด้วยมาตรฐานด้านความปลอดภัยของข้อมูลที่ได้รับการยอมรับ และสอดคล้อง ตามนโยบายของประเทศ พร้อมยกระดับเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศให้ทัดเทียมสากล
นายศุภรัฒศ์ กล่าวว่า “ในปี 2562 รายได้จากคลาวด์ในประเทศไทยเติบโตในอัตราเฉลี่ย 31.5%* และทรู ไอดีซี เชื่อว่าอัตราการเติบโตจะเพิ่มขึ้นอีกมหาศาลหากมีแพลตฟอร์มคลาวด์ในประเทศที่ยืดหยุ่น และมีความปลอดภัยสูง ที่มีความสามารถให้บริการทั้ง infrastructures as a service, platform as a service และ software as a service ซึ่งรองรับความต้องการใช้งาน ทั้งแบบผู้เช่ารายเดียว หรือหลายรายที่เป็นทั้งหน่วยงานรัฐบาล และเอกชน ด้วยการร่วมมือกับบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง เทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำที่มีชื่อเสียงจากประเทศจีนที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการให้บริการด้านไอทีและโซลูชั่นด้านเทคโนโลยีในครั้งนี้ เป็นการเปิดตัวแพลตฟอร์มระดับโลกที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย โดยการผนึกกำลังร่วมกันจะยิ่งช่วยผลักดันให้มีการใช้บริการคลาวด์มากขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจที่ต้องการเก็บข้อมูล อยู่ภายในประเทศ ได้แก่ รัฐบาล, สถาบันทางการเงิน และผู้ให้บริการมีเดียและคอนเทนต์ แต่ที่สำคัญกว่านั้น การมีคลาวด์ระดับโลกจะผลักดันการลงทุนจากต่างชาติและทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางดิจิตอลของภูมิภาค อินโดจีนได้ในที่สุด”
มร. ชาง ฟู (Chang Foo) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีการเติบโตด้านเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเราจึงเล็งเห็นศักยภาพและความสำคัญในการเข้ามาเติมเต็มบริการด้านแพลตฟอร์มคลาวด์ตอบสนองอัจฉริยะ ซึ่งประกอบไปด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัย อาทิ ระบบจดจำใบหน้า (Face Recognition) ระบบจัดการการค้าขายอัจฉริยะ (Smart Retail Solution) และ ระบบ CDN (Content Delivery Network) ระบบที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงข้อมูลของลูกค้าอย่างรวดเร็ว เป็นต้น Interactive and AI Enabled Cloud Platform จะเป็นบริการคลาวด์เซอร์วิสที่ทำให้คนไทยสามารถเข้าถึงคลาวด์ที่มีคุณภาพสูง ทั้งยังช่วยเสริมความแกร่งให้กับระบบโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทยซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญสำหรับภาคธุรกิจในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล”