รองนายกรัฐมนตรีเปิดตัว “ศูนย์วิจัยชุมชน” ต่อยอดขยายผลวิจัยสู่ท้องถิ่นประเดิม 6 ศูนย์ 4 ภาค ตั้งเป้าปี 62 ขยายผลทั่วประเทศ
รองนายกรัฐมนตรีเปิดตัว “ศูนย์วิจัยชุมชน” ต่อยอดขยายผลวิจัยสู่ท้องถิ่นประเดิม 6 ศูนย์ 4 ภาค ตั้งเป้าปี 62 ขยายผลทั่วประเทศ
พลอากาศเอกประจิน จั่นตองประธานเปิดตัว “ศูนย์วิจัยชุมชน” เพื่อขับเคลื่อนงานวิจัยให้มีการนำไปใช้แก้ปัญหาและพัฒนาชุมชน เมื่อวันที่ 9สิงหาคม 2561 ที่ผ่านมาในงาน “มหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ ๒๕๖๑ (Thailand Research Expo 2018)” ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ บางกอกแอนด์คอนเวนชั่น เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ โดยรองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอกประจิน จั่นตอง) เป็นประธานในพิธีและมอบป้าย“ศูนย์วิจัยชุมชน” แก่ เครือข่ายวิจัยภูมิภาค รัฐบาลได้ให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ด้วยการพัฒนาฐานรากของประเทศ โดยอาศัยฐานความรู้ด้านการวิจัยและนวัตกรรม ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และนโยบาย Thailand 4.0 ที่มุ่งหวังขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศด้วยงานวิจัยและนวัตกรรม โดยยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทางในการพัฒนา โดยเน้นการพัฒนาแบบมีส่วนร่วมทั้งภาคราชการ และภาคประชาชน เพื่อร่วมเป็นกลไกขับเคลื่อนการพัฒนาในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับจังหวัด อำเภอ ตำบล หมู่บ้าน และชุมชนแต่การพัฒนาประเทศที่ผ่านมา ชุมชนไม่ค่อยได้มีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางการพัฒนา จึงไม่สามารถแก้ปัญหาได้ตรงกับความต้องการของประชาชน ส่งผลให้ชุมชนอ่อนแอ ประสบปัญหาความยากจน สร้างความไม่เป็นธรรม ความเหลื่อมล้ำ ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมของชุมชนถูกทำลายศ.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ เปิดเผยว่าสำนักงานคณะกรรมกาวิจัยแห่งชาติ (วช.) ในฐานะเลขานุการร่วมของ สภานโยบายวิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ ได้รับมอบหมายนโยบายจากรองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) ในการจัดตั้ง“ศูนย์วิจัยชุมชน” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์ชุมชน โดยการส่งเสริมการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่ใช้ได้จริง และตรงกับความต้องการของชุมชน ไปใช้ในการแก้ปัญหาและพัฒนาเทคโนโลยีที่เหมาะสมให้แก่เกษตรกร วิสาหกิจชุมชน ผู้ประกอบการขนาดเล็ก พัฒนาทักษะ ถ่ายทอดเทคโนโลยีให้แก่เกษตรกรผู้ใช้เทคโนโลยี รวมทั้ง การสร้างบุคลากรในพื้นที่เพื่อทำหน้าที่เป็นวิทยากรและผู้ชำนาญการงานบริการวิชาการแก่ศูนย์ชุมชน การจัดตั้ง “ศูนย์วิจัยชุมชน” ภาคใต้ ศูนย์วิจัยชุมชนการเลี้ยงโคเนื้อ “ยะลาวากิวฟาร์ม”” เป็นศูนย์วิจัยและเรียนรู้การเลี้ยงโควากิว ที่ประสบผลสำเร็จในการเลี้ยงโคเนื้อคุณภาพดีจากญี่ปุ่น ดังนั้น เราจึงให้มีศูนย์วิจัยชุมชนเพื่อมุ่งเน้นที่จะให้เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ และศูนย์กลางการวิจัยและขยายผลต่อไป ตอนนี้มีเครือข่ายอยู่แล้วใน 4 จังหวัดภาคใต้จำนวน 420 คน ศ.นพ. สิริฤกษ์ กล่าวต่อไปว่า ในปีงบประมาณ 2562 วช. จะขยายศูนย์ฯให้ครอบคลุมเครือข่ายในจังหวัดต่างๆ โดยหวังว่าจะมีศูนย์วิจัยชุมชนเป็นตัวอย่างจังหวัดละ 1 แห่ง ซึ่งในแต่ละแห่งจะใช้กลไกในการเชื่อมโยงภาคส่วนต่างๆ ของพื้นที่เป็นตัวตั้ง และแต่ละศูนย์จะมีลักษณะที่แตกต่างกันไปตามความต้องการของพื้นที่ ซึ่งศูนย์เหล่านี้ก็สามารถที่จะเชื่อมโยงกันได้ ดังนั้นการขยายผลก็จะมีการเพิ่มทั้งจำนวนศูนย์วิจัยชุมชนที่จะเกิดขึ้น และการเชื่อมโยงการเรียนรู้ร่วมกันระหว่างศูนย์วิจัยชุมชนในแต่ละแห่ง “เป้าหมายของ วช. เราตั้งใจที่จะทำให้เกิดการขับเคลื่อน ให้เห็นว่าการวิจัยต่างๆ เป็นการวิจัยที่กินได้ ใช้ได้ ขายได้ ประชาชนในพื้นที่ได้เอางานวิจัยที่เป็นงานวิจัยจริงสัมผัสได้ไปใช้ และเกิดประโยชน์ในแต่ละพื้นที่ ทำให้ชุมชนมีความเป็นอยู่ดีขึ้น”