อมตะ” ปรับโฉมธุรกิจครั้งใหญ่ยกระดับนิคมอุตสาหกรรมสู่ผู้นำเมืองอัจฉริยะ ระดับโลก
อมตะ” ปรับโฉมธุรกิจครั้งใหญ่ยกระดับนิคมอุตสาหกรรมสู่ผู้นำเมืองอัจฉริยะ ระดับโลก นายวิกรม กรมดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่ากลุ่มบริษัทอมตะได้จัดงานประจำปี 2561 ชื่อว่า AMATA BEYOND 2018 ภายใต้แนวคิด “Towards Smart City” พร้อมกับจัดการแสดงนิทรรศการ “AMATA SMART CITY EXHIBITION” ขึ้นเป็นครั้งแรก ในวันที่ 18-20 มกราคม 2561 ณ อมตะคาสเซิล จ.ชลบุรี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างเวทีสำหรับลูกค้า คู่ค้า นักลงทุนจากต่างประเทศ นักศึกษา และบุคคลที่สนใจ เพื่อทำความรู้จักแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและสร้างเครือข่ายระหว่างกัน โดยมีบริษัทชั้นนำระดับโลกที่มีสายการผลิตในเมืองอุตสาหกรรมอมตะ ตลอดจนบริษัทในเครืออมตะและคู่ค้าของอมตะ กว่า 40 บริษัท แบ่งเป็นผู้ประกอบการภายในอมตะ 21 บริษัท บริษัทในกลุ่มอมตะและคู่ค้า 15 บริษัท สถาบันการศึกษา 8 สถาบัน ร่วมจัดแสดงผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยต่าง ๆ ทั้งนี้แผนการลงทุนเพื่อพัฒนานิคมฯให้เป็นเมืองอัจฉริยะจะครอบคลุมการพัฒนาในด้านต่าง ๆ 10 ด้านหลัก คือ 1)พลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy) 2)การเดินทางอัจฉริยะ(Smart Mobility) 3)ชุมชนอัจฉริยะ (Smart Community) 4)สิ่งแวดล้อมอัจฉริยะ (Smart Environment) 5)ระบบการศึกษาอัจฉริยะ (Smart Education) 6)สายการผลิตอัจฉริยะ (Smart Manufacturing) 7)เมืองอากาศยานอัจฉริยะ (Smart Aerospace City) 8)นวัตกรรมอัจฉริยะ (Smart Innovation) 9)ระบบเศรษฐกิจอัจฉริยะ (Smart Economy) และ10)การบริหารจัดการเมืองแบบอัจฉริยะ (Smart Governance) กลุ่มอมตะฯ มีเป้าหมายในการพัฒนานิคมฯ ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันได้พัฒนานิคมฯที่ประเทศเวียดนามไปแล้วเป็นแห่งแรก และอมตะยังมีแผนที่จะขยายการลงทุนไปยังประเทศอื่น ๆ ในอาเซียนเพิ่มขึ้นโดยขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาในประเทศพม่าซึ่งได้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลท้องถิ่นย่างกุ้งและบริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) แล้วเมื่อกลางปีที่ผ่านมา เนื่องจากอมตะได้เล็งเห็นศักยภาพตามยุทธศาสตร์การพัฒนาเส้นทางสายไหมใหม่ของจีน ภายใต้ชื่อ One belt One Road ตามการพัฒนาเส้นทางการค้าการลงทุนของจีนในภูมิภาคอาเซียน” นายวิกรม กล่าว ปัจจุบัน เมืองอุตสาหกรรมของอมตะมีส่วนสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาค เป็นที่ตั้งของโรงงานผู้ผลิตชั้นนำและบางส่วนที่อยู่ใน Global Fortune 500 จำนวน 1,300 โรงงาน จากกว่า 30 ประเทศ มีการจ้างงานกว่า 300,000 อัตรา และมีมูลค่าการผลิตรวมกว่า 40,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (รวมทุกโครงการในประเทศไทยและเวียดนาม)